นอนใต้ละอองหนาว - งานชิ้นใหม่ ของปราบดา หยุ่น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่ามนมา ผมพาตัวเองเข้าไปที่ร้านหนังสือนายอินทร์สาขา ท่าพระจันทร์
เพื่อที่จะขึ้นไปนั่งบนชั้นสามมุมกาแฟ เพื่ออ่านหนังสือ หรือเขียนงานผ่านโน๊ตบุครุ่นล่าสุด (สมุดจด) ตามปกติ
แต่แล้วสายตาก็พลันเห็น หนังสือเล่มผอมบางสีเทา (เล่มหนึ่งจากหลายเล่ม) ที่กำลังโปรโมตอยู่ตรงโต๊ะกลางร้าน
ดูจากอาร์ตเวิร์คแล้ว ผมฟันธงได้ทันทีว่ามันมาจากสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น และที่น่าสนใจกว่านั้นมันคืองานชิ้นใหม่ของ ปราบดา หยุ่น
อีกหนึ่งนักเขียนไทยเพียงไม่กี่คนที่ผมติดตามงานอยู่เป็นระยะ
"นอนใต้ละอองหนาว" คือหนังสือเล่มนั้น โดยหน้าปกประกาศตัวเองว่าคือ นวนิยายบันเทิงขนาดสั้น
ผมใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษๆ บนมุมกาแฟในการอ่านนวยิยายบันเทิงความหนา 107 หน้า ราคา 85 บาทเล่มนี้จบลง
ความรู้สึกแรกเมื่ออ่านจบก็คือ ยังไม่อิ่ม เหมือนกับว่าผมเพิ่งจะกินอาหารรองท้อง เรียกน้ำย่อยไปแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เมนคอร์สจะทันได้เสิร์ฟ หน้ากระดาษของ นอนใต้ละอองหนาว ก็หมดลงเสียก่อน
เรื่องราวของหนุ่มสาวหน้าตาดี จากทั่วโลกที่แพร่ "อาการ" บางอย่างผ่านการมีเพศสัมพันธ์
นวนิยายเริ่มต้นเรื่องด้วยสาวไทยที่ออกเดินทางไปญี่ปุ่น โดยไม่รู้ว่าเธอไปทำไม ไปเพื่ออะไร แต่เธอรู้ว่าเธอจะไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิดอีกแล้ว
เช่นเดียวกับหนุ่มสาวอีกหลายคนจากหลากประเทศที่ออกเดินทางจากถิ่นฐาน ด้วยภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปยังอีกซีกโลกที่ไม่รู้จัก โดยที่ตนก็ไม่รู้จุดหมายอะไรเลย หากจุดร่วมที่สำคัญของพวกเขาก็คือ การมีเซ็กส์ กับคนในย่านนั้น เพื่อถ่ายทอดสิ่งเร้นลับบางอย่างต่อกัน ...
พล็อตของนวนิยายเล่มนี้นับว่าน่าสนใจมาก การเล่าเรื่องที่แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ อย่างชัดเจน ผ่านสายตาของตัวละครแต่ละคน สลับไขว้กันไปมา ในรายละเอียดนั้นนวนิยายก็สามารถที่จะสอดแทรกแนวคิดหลักของเรื่องเข้าไปได้อย่างกลมกลืน ระหว่างที่อ่าน นั้นผมสามารถนึกภาพเป็นภาพยนตร์ตามไปได้ตลอดเรื่อง ถ้าบอกว่านี่เป็นพล็อตหนังเรื่องใหม่ที่ปราบดา จะทำร่วมกับเป็นเอก รัตนเรือง ผมก็คงเชื่อสนิทใจ (แต่ความจริงคิดว่าคงไม่ใช่)
ในความเห็นส่วนตัวของผม ที่มองนวนิยายเล่มนี้ในฐานะนวนิยาย (ไม่ว่ามันจะสั้นหรือยาวก็ตาม)
ผมกลับสนใจ นอนใต้ละอองหนาว ในเรื่องของ "ไอเดีย" มากกว่าความละเอียด นุ่มนวล หรือเผ็ดร้อน ในเชิงวรรณกรรม ไม่ใช่ว่าคุณปราบกาจะลดหย่อนฝีมือทางด้านภาษาลงไป แต่ผมคิดว่าคุณปราบดาคงจะเลือกรูปแบบที่ชัดเจนแล้วมากกว่าว่าจะต้องการสื่อสารอะไร
แต่ผมกลับเสียดายที่ว่า ไอเดีย ที่ถูกนำเสนอผ่านพล็อตที่หวือหวา และน่าค้นหาติดตามไปจนจบนั้น กลับยังไม่ได้นำพาไปสู่การสัมผัสกับแก่นหลักใจความของเรื่องได้อย่างหนักแน่นนัก เรียกว่าประเด็นหลักที่คุณปราบดามสอดแทรกมาตลอด และ (ผม) หวังว่ามันจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพียงพอที่จะอธิบายข้อความสำคัญได้อย่างอิ่มท้องนั้นกลับมลายหายตัวไปเสียเฉยๆ ในช่วงท้าย
ไม่ต่างจากหิมะที่ละลายเมื่อแดดยามเช้าสาดส่อง
ระหว่างนี้ผมจึงได้แต่วกกลับไปอ่าน นอนใต้ละอองหนาว อีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อสัมผัสกับเม็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาอย่างสวยงาม-อย่างเชื่องช้า
โดยไม่อยากจะคิดเลยว่าหิมะเหล่านี้กำลังจะกระแทกตัวสู่พื้นดิน
jeeno บอกเล่า
เพื่อที่จะขึ้นไปนั่งบนชั้นสามมุมกาแฟ เพื่ออ่านหนังสือ หรือเขียนงานผ่านโน๊ตบุครุ่นล่าสุด (สมุดจด) ตามปกติ
แต่แล้วสายตาก็พลันเห็น หนังสือเล่มผอมบางสีเทา (เล่มหนึ่งจากหลายเล่ม) ที่กำลังโปรโมตอยู่ตรงโต๊ะกลางร้าน
ดูจากอาร์ตเวิร์คแล้ว ผมฟันธงได้ทันทีว่ามันมาจากสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น และที่น่าสนใจกว่านั้นมันคืองานชิ้นใหม่ของ ปราบดา หยุ่น
อีกหนึ่งนักเขียนไทยเพียงไม่กี่คนที่ผมติดตามงานอยู่เป็นระยะ
"นอนใต้ละอองหนาว" คือหนังสือเล่มนั้น โดยหน้าปกประกาศตัวเองว่าคือ นวนิยายบันเทิงขนาดสั้น
ผมใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษๆ บนมุมกาแฟในการอ่านนวยิยายบันเทิงความหนา 107 หน้า ราคา 85 บาทเล่มนี้จบลง
ความรู้สึกแรกเมื่ออ่านจบก็คือ ยังไม่อิ่ม เหมือนกับว่าผมเพิ่งจะกินอาหารรองท้อง เรียกน้ำย่อยไปแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เมนคอร์สจะทันได้เสิร์ฟ หน้ากระดาษของ นอนใต้ละอองหนาว ก็หมดลงเสียก่อน
เรื่องราวของหนุ่มสาวหน้าตาดี จากทั่วโลกที่แพร่ "อาการ" บางอย่างผ่านการมีเพศสัมพันธ์
นวนิยายเริ่มต้นเรื่องด้วยสาวไทยที่ออกเดินทางไปญี่ปุ่น โดยไม่รู้ว่าเธอไปทำไม ไปเพื่ออะไร แต่เธอรู้ว่าเธอจะไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิดอีกแล้ว
เช่นเดียวกับหนุ่มสาวอีกหลายคนจากหลากประเทศที่ออกเดินทางจากถิ่นฐาน ด้วยภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปยังอีกซีกโลกที่ไม่รู้จัก โดยที่ตนก็ไม่รู้จุดหมายอะไรเลย หากจุดร่วมที่สำคัญของพวกเขาก็คือ การมีเซ็กส์ กับคนในย่านนั้น เพื่อถ่ายทอดสิ่งเร้นลับบางอย่างต่อกัน ...
พล็อตของนวนิยายเล่มนี้นับว่าน่าสนใจมาก การเล่าเรื่องที่แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ อย่างชัดเจน ผ่านสายตาของตัวละครแต่ละคน สลับไขว้กันไปมา ในรายละเอียดนั้นนวนิยายก็สามารถที่จะสอดแทรกแนวคิดหลักของเรื่องเข้าไปได้อย่างกลมกลืน ระหว่างที่อ่าน นั้นผมสามารถนึกภาพเป็นภาพยนตร์ตามไปได้ตลอดเรื่อง ถ้าบอกว่านี่เป็นพล็อตหนังเรื่องใหม่ที่ปราบดา จะทำร่วมกับเป็นเอก รัตนเรือง ผมก็คงเชื่อสนิทใจ (แต่ความจริงคิดว่าคงไม่ใช่)
ในความเห็นส่วนตัวของผม ที่มองนวนิยายเล่มนี้ในฐานะนวนิยาย (ไม่ว่ามันจะสั้นหรือยาวก็ตาม)
ผมกลับสนใจ นอนใต้ละอองหนาว ในเรื่องของ "ไอเดีย" มากกว่าความละเอียด นุ่มนวล หรือเผ็ดร้อน ในเชิงวรรณกรรม ไม่ใช่ว่าคุณปราบกาจะลดหย่อนฝีมือทางด้านภาษาลงไป แต่ผมคิดว่าคุณปราบดาคงจะเลือกรูปแบบที่ชัดเจนแล้วมากกว่าว่าจะต้องการสื่อสารอะไร
แต่ผมกลับเสียดายที่ว่า ไอเดีย ที่ถูกนำเสนอผ่านพล็อตที่หวือหวา และน่าค้นหาติดตามไปจนจบนั้น กลับยังไม่ได้นำพาไปสู่การสัมผัสกับแก่นหลักใจความของเรื่องได้อย่างหนักแน่นนัก เรียกว่าประเด็นหลักที่คุณปราบดามสอดแทรกมาตลอด และ (ผม) หวังว่ามันจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพียงพอที่จะอธิบายข้อความสำคัญได้อย่างอิ่มท้องนั้นกลับมลายหายตัวไปเสียเฉยๆ ในช่วงท้าย
ไม่ต่างจากหิมะที่ละลายเมื่อแดดยามเช้าสาดส่อง
ระหว่างนี้ผมจึงได้แต่วกกลับไปอ่าน นอนใต้ละอองหนาว อีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อสัมผัสกับเม็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาอย่างสวยงาม-อย่างเชื่องช้า
โดยไม่อยากจะคิดเลยว่าหิมะเหล่านี้กำลังจะกระแทกตัวสู่พื้นดิน
jeeno บอกเล่า
4 Comments:
At 9:14 PM,
Anonymous said…
สำหรับเรา เราว่าเซ็กซ์เป็นแค่ผลพลอยได้จากการเดินทางเท่านั้น
เอ่อ ว่าแต่เราก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เลย
ปล. เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาของมูราคามิเล่มนั้นมาคืนด้วยนะ (ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน ว้า)
At 12:40 AM,
the aesthetics of loneliness said…
ยังไม่ได้อ่าน และคิดว่าคงจะไม่อ่านอยู่ดี แต่ชอบตรงประเด็นที่ว่า คนหนุ่มสาวจากทั่วโลก ออกเดินทางไปยังอีกมุมโลกของตัวเอง เพื่อมีเซ็กส์กับคนที่ exotic !
มันทำให้คิดถึงหนังเรื่อง Hostel หนุ่มอเมริกันรวมตัวกันไปเที่ยวยุโรปตะวันออก เพราะหวังจะไป f_ck สาวที่โน่น แต่ท้ายที่สุด พวกมันเองต่างหาก ที่ถูก f_ck ดูแล้วสะใจดีจริงๆ
At 10:28 AM,
gmplusclub said…
555 งั้นหนังอย่าง after sunset กับ before sunrise ก็ไม่แตกต่างกันน่ะสิ
At 11:56 AM,
Anonymous said…
ฟังคุณ aesthatics ฯ พูดแล้วขนพองสยองเกล้านะ จากผู้อยากกระทำ กลายเป็นผู้ถูกกระทำ บรื๋อ..
(เราไม่ชอบหนังโหดๆ อยู่แล้ว anyway)
แต่ขอแก้ต่างให้หนัง after sunset กับ before sunrise หน่อยนะ เราว่าเขาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเดินทางเพื่อที่จะมีเซ็กส์นะ แต่เหมือนกับว่า มัน'ต้องมีประกอบ' ด้วย ไม่งั้นมันจะไม่สมบูรณ์ หรือรู้สึกว่าต้องลาจากกันไปด้วยอารมณ์แป๊กๆ
...
...
อืมม์ แค่นี้แหละมั้ง
Post a Comment
<< Home