เธอ ฉัน และ ความทรงจำของวันเก่า

สงสัยช่วงนี้เหล่าพลพรรคหลายๆคนกำลังมีความรัก อันนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นใครเพราะเวลาถามทีไรทุกคนพร้อมใจที่จะบอกว่ายังเป็นโสด ก็จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปากถ้าหากพูดถึง แต่ไม่ว่าจะความรักในรูปแบบไหนๆ โหด ร้าย เลว ดี สุดท้ายก็เป็นสิ่งที่ทุกคนตามหามัน ไม่สามารถรับรองได้ว่าทุกคนนั้นจะเจอความรักดีๆและเดินทาง
ไปสู่จุดหมายอันที่สวยงามได้เหมือนกันทุกคนรึเปล่า ...
ไปสู่จุดหมายอันที่สวยงามได้เหมือนกันทุกคนรึเปล่า ...
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยใฝ่ฝันถึงการมี "ความรัก"จาก"คนที่เรารัก" เคยวาดฝันไว้อย่างสวยงามตามแบบฉบับ
คิดถึงการมีชีวิตกับใครที่ดีๆสักคนที่อยู่กันจนแก่เฒ่า
และจบเรื่องราวกันอย่างมีความสุข จะว่าไปแล้วมันเป็นเหมือนเรื่องราวที่ผมมักจะได้พบเจอและรับรู้มาตั้งแต่เด็กๆ
ว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น
จนมาถึงทุกวันนี้ "ความรัก" ที่ผมได้พบเจอเรียนรู้กับมันนั้น ช่างต่างกันเหลือเกินกับสิ่งที่ผมเคยคิดมาตั้งแต่ตอนยังเด็ก แต่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายจนกระทั่งทำให้รู้สึกหมดศรัทธากับ "ความรัก"ไปได้เลย ผมเคยลองมานั่งนึกกะเพื่อนๆและคิดดูว่า
ผมเริ่มมีความรู้สึกที่จะไปรักไปชอบคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้เพียงแต่ว่าเรื่องราวของผมถ้าจะปั้นเป็นนิยายน้ำเน่าสักเรื่องก็น่าจะพอไหว และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตหนึ่งของผม
(แต่บอกชื่อคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆไม่ได้ทั้งหมดหรอกนะครับ...อิอิ)
ณ...โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง พ.ศ.2538
ผมสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ได้นับว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ที่อยู่ในความทรงจำที่ดีในอันดับต้นๆของตัวเอง
เพราะใครๆต่างก็อยากที่จะเข้ามาเรียนที่นี่
แต่การที่ได้เข้ามานั้นผมไม่คิดมาก่อนว่าโรงเรียนแห่งนี้
จะทำให้ผมนั้นได้เรียนรู้ประสบการณ์อะไรมากมายที่นอกเหนือจากชีวิตนักเรียน
ห้องเรียนภาษาอังกฤษ 231
วันจันทร์ 8.30 น.
ม.1/5
เทอม 1
ห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ดังไปหมดทั่วทุกโต๊ะ ความตื่นเต้นของเด็กมัธยมในวันแรกกับการที่ได้มาเจออะไรใหม่ๆเต็มไปหมด
เพื่อนหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ห้องเรียนของเด็กมัธยม มันข่างเป็นอะไรที่ตื่นเต้นซะจริงๆ
ต้วผมเองในตอนนั้น ก็ค่อนข้างที่จะดูเรียบร้อยในสายตาคนอื่นๆ แต่สำหรับตัวผมเองไม่ได้คิดว่าที่จริงนั้นตัวเองไม่ได้เรียบร้อยสักเท่าไหร่นัก จะเรียบร้อยก็แล้วแต่สถานการณ์มากกว่า อันที่จริงก็คงเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆทั่วไป
"สวัสดีค่ะ ยินดีกับนักเรียนชั้น ม.1/5ทุกคนด้วยนะคะที่สามารถสอบเข้ามาเรียนที่นี่ได้
และครูหวังว่าทุกคนคงจะได้รู้จักกันกับเพื่อนๆใหม่กันบ้างแล้ว"
อาจารย์สาวใหญ่วัยกลางคนที่ใส่แว่นกำลังยืนพูดอยู่ที่หน้าห้องเรียนภาษาอังกฤษ หน้าตาของเธอดูใจดีไม่ไม่รู้ว่าจะดีจริงเหมือนที่ชั้นรู้สึกรึเปล่า ขณะนั้นเธอก็เริ่มเปิดแฟ้มและนำเอกสารที่พิมพ์ด้วยกระดาษโรเนียวออกมาอ่าน
"เดี๋ยวครูจะขอเช็คชื่อ ดูหน้าตากันหน่อยนะคะว่า ชื่ออะไร หน้าตายังไงกันบ้าง" ว่าแล้วเธอก็เริ่มขานชื่อไปเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่มองตามไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
"เลขที่ 25 นาย..." อาจารย์เงยหน้า ละสายตาจากแผ่นกระดาษขึ้นมามอง
"มาครับ" หนุ่มวัยรุ่นหน้าตาสะอาดสะอ้าน เขายกมือขานรับเธออย่างฉาดฉาน ในขณะนั้นสายตาก็ผมก็มองไปที่เขาเหมือนคนอื่นๆ เพราะเขาก็นั่งโต๊ะข้างๆ ใกล้ๆกัน
ใช่แล้วครับ คุณไม่ได้เข้าใจผิดหรอก เพียงแต่ผมไม่ได้บอกตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนชายประจำจังหวัด ที่จะมีเฉพาะนักเรียนชายในชั้นมัธยมต้น แต่ในชั้นม.ปลายก็จะมีนักเรียนหญิงบ้างเล็กน้อย
"นามสกุลนี้ เธอเป็นอะไรกับคุณ... เจ้าของโรงเรียนเอกชน...จ๊ะ" ครูเริ่มสนใจเขาจากนามสกุล
"เป็นหลานครับ" เขาตอบอย่างชัดเจนอีกครั้ง
"อ๋อเหรอ..."ครูพยักหน้าค่อยๆแล้วก้มลงอ่านเลขที่ต่อไปเรื่อยๆจนมาถึง
"เลขที่ 29 นาย..."
"มาครับ" ผมยกมือขานรับเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมและยิ้มพร้อมกับเพื่อนๆอีก 50 ชีวิต ที่กำลังมองด้วยใบหน้านิ่งๆอีกเช่นกัน
"คุณป้าเธอฝากครูมาดูแลด้วยนะ" เธอคุยกับผมอย่างเป็นพิเศษ คาดว่าเธอจะรู้เรื่องราวของผมมาก่อนหน้าแล้ว
"ครับ" ผมตอบพร้อมกับอาการอายๆ เพราะไม่ค่อยอยากให้ใครมองเป็นอภิสิทธิ์ชน ที่มีคุณป้าเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนแห่งนี้เหมือนกัน
เธอขานชื่อนักเรียนไปเรื่อยๆจนครบทั้ง 50 กว่าคนและพูดคุย แนะนำเรื่องราวต่างๆภายในโรงเรียนจนกระทั่งหมดชั่วโมง
และปล่อยพวกเราเก็บของไปเรียนในวิชาอื่นๆ
ระหว่างทางพวกเราก็เริ่มแบ่งกันเป็นกลุ่มๆ แบ่งตามโหงวเฮ้งที่คาดว่าพอที่น่าจะคุยกันรู้เรื่องก็จะมานั่งใกล้ๆกัน ทุกคนต่างก็แนะนำตัวเองและบอกว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง ผมตั้งใจฟังเป็นอย่างดีเพราะกลัวจะจำชื่อเพื่อนไม่ได้จนใกล้จะครบคนสุดท้าย
"สวัสดี เราชื่อนัท มาจากโรงเรียน..."
ระหว่างที่เขาแนะนำตัวเองนั้น ผมก็ได้สังเกตว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาดีในระดับหนึ่ง บุคลิกดูคล่องแคล่ว หน้าตาสะอาดสะอ้าน ตัวสูงประมาณ 170 กว่าได้สัดส่วนพอดี รอยยิ้มของเขาคล้ายๆกับ เจ เจตริน นักร้องขวัญใจของใครหลายๆคน นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่ผมเห็นในเด็กผู้ชายคนนี้ แต่ความรู้สึกผมในตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นคนที่คุยกันได้ไม่เรื่องมากและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
วันเวลาทำให้ผมได้รู้ว่านัทเป็นคนที่อัธยาศัยดี เลยมีเพื่อนเยอะแยะมากมาย ผมเพิ่งจะรู้ว่าเขายังเป็นนักฟุตบอลอีกด้วย เพื่อนคนอื่นๆก็มาเล่าให้ผมฟังว่า นัทเป็นคนที่ฮอตมาตั้งแต่โรงเรียนเดิมแล้ว มีสาวๆมาชอบมากมาย
ผมก็ได้แต่นั่งฟังและคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก
ก็คาแร็กเตอร์อย่างกับพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นขนาดนั้น
เวลาชีวิตของนักเรียนมัธยมเริ่มต้นขึ้น ในห้องเรียนวิชาต่างๆก็จะมีการแบ่งกลุ่มเพื่อทำรายงาน เนื่องจากพวกเราเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนนี้ การแบ่งกลุ่มทำงานก็นับว่าจะเป็นปัญหาอีกอันหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกอยู่กับเพื่อนคนไหนดี อาจารย์แต่ละท่านเลยตัดสินใจที่จะแบ่งกลุ่มให้เลยตามเลขที่ และด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่ บ่อยครั้งที่ผมและนัทมักจะได้อยู่กลุ่มเดียวกันเสมอ แต่ผมก็ยังไม่ได้สนิทอะไรกับนัทมาก เพราะวิถีชีวิตของเราสองคนค่อนข้างที่จะต่างกัน
ด้วยความที่นัทเป็นคนที่ไม่ค่อยถือสาอะไรนี้เอง แกล้งอะไรหรือล้ออะไรนัทก็ไม่เคยโกรธ นัทจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆหลายคน บ่อยครั้งที่ทำให้เขาถูกเพื่อนคนอื่นๆ
ล้อจับคู่ให้กับเพื่อนสาวในห้องเดียวกันอยู่เสมอ ส่วนตัวผมเองก็ได้แต่คอยผสมโรงกับคนอื่นๆไปด้วยเพราะไม่ได้คิดอะไร
"แหม...ได้ข่าวว่าเดินกลับบ้านกับบอล 2 คนเหรอ นั่นแน๊ !!! "
ผมแกล้งแซวชายเหมือนที่คนอื่นๆแซวกัน เขาก็ได้แต่ยิ้มๆไม่พูดอะไร แต่คนที่หันมาตอบโต้กลับเป็น เพื่อนสาวที่เราชอบเรียกว่าอีบอล
"จะบ้าเหรอ เดี๋ยวเหอะ จะโดนตบ" บอลเพื่อนสาวตัวโต หน้าขาววอกด้วยแป้งมิสทีน ราคา 69 บาท เริ่มโต้กลับด้วยถ้อยคำที่ออกมาจากการจีบปากจีบคอ
เหมือนเธอเป็นสาวน้อยร่างยักษ์ใสซื่อที่โดนใส่ร้าย
เหมือนเธอเป็นสาวน้อยร่างยักษ์ใสซื่อที่โดนใส่ร้าย
พวกเราเป็นอันรู้กันดีว่าแกล้งนัทเล่นๆ ต่างคนต่างไม่ได้คิดอะไร
เราใช้ชีวิตของนักเรียนม.ต้นเป็นอย่างงี้ไปเรื่อยๆได้ไม่นานเท่าไหร่
เวลาที่เพิ่งจะเหมือนเปิดเทอมเมื่อวานนี้เองก็หมดไป
วันสุดท้ายของการสอบเทอมแรกก็มาถึง โรงเรียนจะต้องปิดเทอม ที่พวกเรามักจะเรียกกันติดปากว่าปิดเทอมเล็กในเดือนตุลาคม ที่เรียกกันอย่างงี้
ก็้เพราะมันปิดเรียนเพียงแค่ 20 กว่าวันเท่านั้นเอง ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังทำให้เด็กมัธยมสุดขี้เกียจได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
ผมนั่งรถผ่านหน้าโรงเรียนที่ปกติเวลานี้จะต้องพบเห็นนักเรียนเดินกันขวักไขว่ แต่ในวันสุดท้ายของการสอบแบบนี้มันก็มีแค่บางชั้นเท่านั้นที่ยังคงสอบอยู่ จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนเดินอยู่หน้าโรงเรียนเพียงน้อยนิด
ผมมองจนสุดสายตาและหันหน้ากลับมาหน้ารถ
ในใจผมตอนนั้นก็ได้แต่คิดถึงเรื่องว่าจะทำอะไรดีในวันหยุด เพื่อนคนอื่นๆก็คงกำลังวางแผนทำกิจกรรมเหมือนกับผม
นั่นก็รวมถึง"นัท"เพื่อนผมคนนั้นอีกคน
Based on true story...
4 Comments:
At 2:16 PM,
Anonymous said…
อยากกลับไปใส่กางเกงขาสั้นโชว์ขาอ่อนอีกจัง...
ส่วนผู้หญิงที่ท้อฟเคยชอบตอนมัธยมมี 2 คน (อ่านไม่ผิด...ผู้หญิงจริงๆ)
คนแรก ปัจจุบันเป็นแฟนของพี่ชาย
คนที่สอง ปัจจุบันเป็นเพื่อนสาว ที่ท้อฟกะจะงาบน้องชายเธออยู่
อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
At 7:14 PM,
the aesthetics of loneliness said…
อ้าวเฮ้ย! นึกว่าจะอ่านได้จบเรื่องซะอีก เมื่อไรจะมาเขียนตอนต่อเนี่ยะ
มันจะกลายเป็น brokeback mountain ฉบับยะลา รึเปล่า?? รออ่านด้วยใจระทึก
At 11:07 AM,
Anonymous said…
จาก สวยนอกซอย
ตอนเด็ก ๆ แอบชอบผู้ชายคนหนึ่งมาสามปี คำเดียวก็ไม่เคยพูดกับเขา ทำไปด้ายยยยย
At 11:08 AM,
รับแปลเอกสาร said…
ความรัก คือการยึดติดชนิดหนึ่ง วันใดที่เราสลัดมันออกจากใจได้ วันนั้นเราจะรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง
ขออภัยที่สวนกระแส
Post a Comment
<< Home