Sleepless Coffee
เป็นเพราะกาแฟแก้วนั้นหรือเพราะคิดถึงคุณกันนะ…ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ
ตีสองแล้ว แต่ผมยังตาสว่างอยู่ เพื่อนในลิสต์ MSN แยกย้ายสลายตัวกันไปนอนจนเหลืออยู่ไม่กี่คน และในจำนวนไม่กี่คนนั้นก็เป็นคนที่ผมไม่ค่อยได้คุยซะด้วยสิ ถึงแม้ว่าในโลกออนไลน์จะเปิดโอกาสให้เราสามารถ Delete Contact ได้ง่ายๆ แต่เอาเข้าจริงการจะลบใครออกจาก MSN ก็เป็นเรื่องยากและโหดร้ายสำหรับผม พอๆกับความสัมพันธ์ในโลกออฟไลน์นั่นแหละ
ผมมักเป็นแบบนี้เสมอ แม้ว่าที่คนที่ผมรักจะออฟไลน์ไปแล้ว แต่หน้าต่างบทสนทนาของเราจะยังคงเปิดค้างไว้อย่างเดิม ให้ผมได้อ่านถ้อยคำที่เราเพิ่งคุยกันซ้ำไปซ้ำมาจนขึ้นใจ พลางดูรูปของคุณจนติดตา เขาบอกว่าการที่เราฝันเป็นเพราะเราคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งซ้ำๆ ผมทำแบบนี้ก็เผื่อว่าคืนนี้ผมจะได้ฝันถึงคุณ
แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนอนไม่หลับสักที มันจะเหลือเวลาอีกสักเท่าไรกันนะให้ผมฝันถึงคุณ
คุณเคยบอกผมว่า การนอนที่สบายไม่ควรหลับแล้วฝัน คุณถึงไม่ยอมให้ผมลาคุณด้วยคำว่า “หลับฝันดีนะ” แต่ “หลับให้สบาย” ก็ฟังดูเหมือนบอกลาคนตายไปหน่อย และ “หวัดดี” ก็ห้วนและง่ายเกินไปหน่อย ขำตัวเองทุกทีเวลาต้องลาคุณ ไม่รู้จะลาด้วยคำไหนดี
ไม่ใช่เพราะเลือกคำไม่ถูกหรอก แต่เป็นเพราะแอบเสียดาย ไม่อยากให้คุณไปมากกว่า
ผมพยายามหาเพลงมาฟังเผื่อจะกล่อมตัวเองให้ง่วงขึ้นมาบ้าง แต่ดันไปฟังเพลงที่ทำให้คิดถึงคุณมากกว่าเดิม
“ยังคิดถึงวันที่ผ่าน วันที่มีแต่เรา แต่วันนี้มันว่างเปล่า เหงาจับใจ คิดถึงเธอรู้ไหม...คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว”
ถ้า “คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” คุณคงรู้นะว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน เพราะบังเอิญผมอยู่คนเดียวบ่อยๆซะด้วยสิ
ปกติผมไม่ชอบดื่มกาแฟเท่าไร ถึงกลิ่นจะหอมน่าดม แต่รสขมของมันทำเอาผมไม่อยากกลืน แต่การคิดถึงใครบางคนที่ไม่รักกัน รสของมันขมขื่น แต่ผมกลับกลืนมันลงไปได้อย่างรื่นรมย์ รสขมของกาแฟอาจเจือจางด้วยนมและน้ำตาลสักก้อนสองก้อน แต่รสขมของความรักอาจต้องล้างด้วยน้ำตาแทน
รสขมของกาแฟจางหายไปจากลิ้นของผมนานแล้ว แต่รสหวานของความรักครั้งนั้นยังอยู่ ไม่เคยจางหายไปจากใจของผมเลย
แม้มันจะแทรกด้วยความขมขื่นก็ตาม
Sleepless Toffy
ตีสองแล้ว แต่ผมยังตาสว่างอยู่ เพื่อนในลิสต์ MSN แยกย้ายสลายตัวกันไปนอนจนเหลืออยู่ไม่กี่คน และในจำนวนไม่กี่คนนั้นก็เป็นคนที่ผมไม่ค่อยได้คุยซะด้วยสิ ถึงแม้ว่าในโลกออนไลน์จะเปิดโอกาสให้เราสามารถ Delete Contact ได้ง่ายๆ แต่เอาเข้าจริงการจะลบใครออกจาก MSN ก็เป็นเรื่องยากและโหดร้ายสำหรับผม พอๆกับความสัมพันธ์ในโลกออฟไลน์นั่นแหละ
ผมมักเป็นแบบนี้เสมอ แม้ว่าที่คนที่ผมรักจะออฟไลน์ไปแล้ว แต่หน้าต่างบทสนทนาของเราจะยังคงเปิดค้างไว้อย่างเดิม ให้ผมได้อ่านถ้อยคำที่เราเพิ่งคุยกันซ้ำไปซ้ำมาจนขึ้นใจ พลางดูรูปของคุณจนติดตา เขาบอกว่าการที่เราฝันเป็นเพราะเราคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งซ้ำๆ ผมทำแบบนี้ก็เผื่อว่าคืนนี้ผมจะได้ฝันถึงคุณ
แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนอนไม่หลับสักที มันจะเหลือเวลาอีกสักเท่าไรกันนะให้ผมฝันถึงคุณ
คุณเคยบอกผมว่า การนอนที่สบายไม่ควรหลับแล้วฝัน คุณถึงไม่ยอมให้ผมลาคุณด้วยคำว่า “หลับฝันดีนะ” แต่ “หลับให้สบาย” ก็ฟังดูเหมือนบอกลาคนตายไปหน่อย และ “หวัดดี” ก็ห้วนและง่ายเกินไปหน่อย ขำตัวเองทุกทีเวลาต้องลาคุณ ไม่รู้จะลาด้วยคำไหนดี
ไม่ใช่เพราะเลือกคำไม่ถูกหรอก แต่เป็นเพราะแอบเสียดาย ไม่อยากให้คุณไปมากกว่า
ผมพยายามหาเพลงมาฟังเผื่อจะกล่อมตัวเองให้ง่วงขึ้นมาบ้าง แต่ดันไปฟังเพลงที่ทำให้คิดถึงคุณมากกว่าเดิม
“ยังคิดถึงวันที่ผ่าน วันที่มีแต่เรา แต่วันนี้มันว่างเปล่า เหงาจับใจ คิดถึงเธอรู้ไหม...คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว”
ถ้า “คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” คุณคงรู้นะว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน เพราะบังเอิญผมอยู่คนเดียวบ่อยๆซะด้วยสิ
ปกติผมไม่ชอบดื่มกาแฟเท่าไร ถึงกลิ่นจะหอมน่าดม แต่รสขมของมันทำเอาผมไม่อยากกลืน แต่การคิดถึงใครบางคนที่ไม่รักกัน รสของมันขมขื่น แต่ผมกลับกลืนมันลงไปได้อย่างรื่นรมย์ รสขมของกาแฟอาจเจือจางด้วยนมและน้ำตาลสักก้อนสองก้อน แต่รสขมของความรักอาจต้องล้างด้วยน้ำตาแทน
รสขมของกาแฟจางหายไปจากลิ้นของผมนานแล้ว แต่รสหวานของความรักครั้งนั้นยังอยู่ ไม่เคยจางหายไปจากใจของผมเลย
แม้มันจะแทรกด้วยความขมขื่นก็ตาม
Sleepless Toffy
3 Comments:
At 4:35 PM,
the aesthetics of loneliness said…
ทำไมงานเขียนส่วนใหญ่ของพวกเรา จึงล้วนตกอยู่ในอารมณ์เศร้าๆ ??
(ยกเว้นของโอปอ)
At 9:52 PM,
GMclub said…
จากคุณพี่สวยนอกซอย
เมื่อก่อนคุณพี่เป็นคนนอนเก่งมาก ขนาดว่า "หมอนทองคำ" ยังอายน่ะ มือเตะคีย์บอร์ดทีไรเป็นหลับตลอด จนชาวบ้านชาวช่องเขากลัวคอมพิวเตอร์ผีสิงของคุณพี่เป็นแถบ ๆ
ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้คุณพี่ก็เป็นโรคนอนไม่หลับเหมือนทอฟฟี่ ก่อนนอนก็พยายามหาน้ำผึ้งมากิน เพราะเขาบอกว่าเป็นเหมือนยากล่อมประสาทที่ทำให้หลับ แต่บางคืนที่ทรมานมาก ๆ ฟาดน้ำผึ้งจนหวานลิ้นก็ยังนอนไม่หลับ ต้องไปนั่งทำตัวอ่อนไหว ใจสะอาด ฟาดคอกเทลหน้าคอนโดสองกรึ๊บก่อนจะหลับ
เรื่องนอนไม่หลับเป็นเรื่องของผู้ใหญ่จริงๆ เลยนะเนี่ย
หากนอนไม่หลับมาก ๆ โทรหาคุณพี่ก็ได้นะ ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเมื่อคืนคุณพี่ก็หลับตอนตีห้า!!!!!!!
At 3:50 PM,
Anonymous said…
ขอออกความเห็นต่อจากคุณความเห็นที่ 1 ว่า บางที ความเบื่อ ความเศร้า ของเราอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ดีก็ได้นะ ว่าเรากำลังตั้งคำถามกับชีวิต
พอดีเมื่อวันอาทิตย์หยิบ GM ฉบับครบรอบ 20 ปีขึ้นมาอ่าน อ่านหน้าที่เป็นคัดบทสัมภาษณ์ของ พจนา จันทรสันติ เขาก็เห็นว่าไอ้อารมณ์เหงาและเบื่อเหล่านี้มันก็เป็นสัญญาณที่ดีอย่างที่ว่าไปเหมือนกัน
ว่าแล้วก็โฆษณาหนังสือของเราเหล่า GM เสียเลย
Post a Comment
<< Home