THE KULTURES

Culture / Tech / Talks /

Sunday, October 22, 2006

สนามหญ้าข้างบ้านมักเขียวกว่าบ้านเราเสมอ


ศุกร์ที่ผ่านมา ผมไปร้านเดิมที่ผมไปทุกๆ วัน เป็นเวลากว่า ๖ ปีแล้ว ที่มาที่นี่เกือบทุกอาทิตย์(ไม่น่าเชื่อว่าสจะนานขนาดนั้น) จริงๆ อาจจะไม่ใช่ร้านเดิมในทางกายภาพ เพราะมันผ่านการย้านร้าน ปิดร้าน เปิดใหม่ และเจ๊งกันมาหลายรอบ แต่ทั้งหมดทั้วงมวลเกิดขึ้นกับคนๆ เดียวกัน นั่นคือเพื่อนของผม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมาที่นี่ทุกศุกร์ ที่นี่เป็นแหล่งรวมคนปากพล่อยๆ สี่ห้าคน ที่มารวมหัวกัน คุยเรื่องการเมือง ปรัชญาชีวิต ทำไมการเมืองไทยห่วย รถไฟฟ้าราคราแสนแพง และเทคโนที่เปลี่ยนไปทำให้เราลำบาก...ข้อความทั้งหมดที่ได้อ่านเป็นของโต๊ะอื่น..ไม่ใช่โต๊ะผม
จริงๆ แล้วออกจะสงสารโต๊ะรอบข้างของเราที่ตกเป็นเหยื่อยบทสนทนาของเราบ่อยๆ การเป็นขาโจ๋ในร้านบางทีก็ทำให้คนกลัวเราไปโดยปริยายทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า เห็นคนหน้ัาใหม่ ในพื้นที่คุ้นเคย ก็แค่นั้น โฉะนั้นหากคุณเป็นต๊ะข้่างๆ หน้าใหม่ เข้าไปในร้านแปลกถิ่น ทำใจเหอะว่า ยังไงต้องมีคนพูดถึงบคุถณพอๆ กับอาหารจานแรกของร้านที่คุณต้องพูดอะไรเกี่ยวกับมันสักอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนที่น่ามองในสายตาของผู้ชายสักกลุ่มที่นั่งในร้าน จริงๆ อยากให้ฟรอยด์เกิดยุคนี้ ผจะชวนเขามานั่ง แล้วลองวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกเราดูสิว่า มันเป็นยังไง เผื่อเขาอาจจะเจอข้อสรุปใหม่ๆ ที่น่าสนใจว่า นอกจากปมออดิปุส เรอาจจะมีปมคิวปิด ปมอาเทน่า หรือปมอะไรอีกหลายอย่างที่เราฟรอยด์ไม่ทันคิด
เอาเป็นว่า ผมเจอสิ่งอะไรสักอย่างที่เป๊ะ ในคืนวันศุกร์ แต่ตอนนี้คืนวันเสารื และผมก็ง่วงเกินกกว่าจะนึกอะไรออก (แต่ซีรี่ย์ jack and bobby ก็สนุกจนยังไสม่อยากนอน) พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าอะไรให้ฟังต่อ ถึงสนามหญ้่าข้างบ้าน
ซึ่งของเธอเขียวกว่าของผมจริงๆ :-)

ปล. เรื่องของรูป
คลิม (Gustav Klimt) ศิลปินชาวออสเตรีย เป็นคนหนึ่งที่ผมว่าเขาวาดรูปผู้หญิงได้สวยที่สุด เขามีงานอีโรติคหลายชิ้น นอกเหนือจากงานเด่นๆ ที่เรารู้จักกันดีอย่าง the kiss ความงามของผู้หญิงที่เขาวาดส่งนหนึ่งมาจากมือ ผมพยายามวาดให้มันสวยอยู่หลายครั้ง แต่มันเป็นส่วนที่วาดยากมากของร่างกายส่วนหนึ่ง รองจากนิ้วเท้า... ซึ่งยากกว่าหลายเท่า

3 Comments:

  • At 2:05 AM, Blogger the aesthetics of loneliness said…

    การมีร้านเหล้าร้านประจำ จะทำให้เราคูลๆ เหมือนมูราคามิไหม
    ผมชอบอ่านเวลาที่เขาเขียนถึงฉากที่พระเอกเดินเข้าไปในร้านเหล้าประจำ
    ส่วนใหญ่มักจะเป็นผับแจ๊ส หรืออะไรเทือกๆ นั้น แล้วสั่งเบียร์มานั่งจิบ
    จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ กล่าวทักทายบาร์เทนเดอร์ หยิบถั่วลิสงคั่วกินแกล้ม
    จมจ่อมอยู่กับความแปลกแยกและเปลี่ยวเหงา เคล้าเพลงแจ๊สและควันบุหรี่
    เวลาผ่านไปสักพัก ผู้หญิงลึกลับมักจะปรากฏตัวขึ้นมาในจังหวะแบบนี้ทุกที
    อยากมีร้านเหล้าประจำแบบนี้บ้าง

     
  • At 10:23 AM, Anonymous Anonymous said…

    จากพรอมควีน

    อ่านคอมเมนท์ของคุณพี่แล้วขำก๊าก หนูก็อยากมีร้านแบบนั้นเหมือนกัน นอกจากสนามหญ้าคนอื่นมักสวยกว่าบ้านเรา ผู้ชายของคนอื่นก็มักหล่อและดีกว่าของเราซำเหมอ ๆ พูดแล้วกลุ้ม!!!

    เมื่อวานไปนั่งกินข้าวคนเดียว (อีกแล้ว) ตอนเก็บเงิน เด็กประมาณ 10 ขวบ ลูกชายเจ้าของร้านถามแม่เค้าว่า
    "แม่ ๆ ของป้าโต๊ะนี้เท่าไหร่" ดิฉันอึ้งตะลึงงันกับคำว่า "ป้า" ของไอ้เด็กเปรตนี้มากกกก มีตาหามีแววไม่จริง ๆ เลย

    เลยวีนซะเลยว่าน้องเรียกพี่ก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นป้าหรอก ปรากฏว่าเจ๊เจ้าของร้านหน้าหงิกเชียวที่ดันไปว่าลูกเค้าอย่างนั้น
    เหอๆๆๆ

     
  • At 1:20 PM, Blogger gmplusclub said…

    อันนี้ก็ไม่ทราบได้ว่า การมีร้านเหล้าประจำเป็นความคูลหรือเปล่า แต่ที่รู้ก็คือการมีที่ประจำ บางทีมันก็ทำให้เราขยาดจะไปร้านแปลกหน้าและรู้สึกผิดทุกครั้งเวลาที่ไปร้านอื่น แทนที่จะเป็นร้านประจำ แต่ที่แน่ๆ ผมเริ่มเป็นกังวลนิดหน่อยกับน้ำหนักตัวที่มาจากพรายเบียร์ และเนื้อย่างแสนอร่อยของร้าน
    แหม เป็นห่วงตัวและหน้าท้องเสียจริง

     

Post a Comment

<< Home