THE KULTURES

Culture / Tech / Talks /

Wednesday, October 25, 2006

อยู่คนเดียว ถ้าจะดีกว่า...

เมื่อคืนก่อน ผมบังเอิญได้ฟังเพลงผ่านเทปคาสเซ็ท

มันเป็นเพลงเก่าๆ ของ พี่ปั่น ไพบูลย์ เกียรติเขียวแก้ว ที่ชื่อว่า "อยู่คนเดียว"

ผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นเพลงในพ.ศ.ไหน แต่ก็น่าจะนานพอสมควรเลยล่ะ

เป็นเพลงที่ผลิตในยุคที่พี่ปั่นสังกัดและโด่งดังอยู่กับแกรมมี่ฯ

สิ่งที่ผมติดใจในเพลงนี้ นอกจากท่วงทำนอง คำร้อง และเสียงร้องที่ผสานกันอย่างลงตัว ลงตัวในแบบที่ว่าเข้าถึงความรู้สึก และเหมาะสมกับการขับกล่อมอารมณ์ให้ไปในทิศทางที่สงบจิตสงบใจหรือรื่นรมย์ มากกว่าเพลงสมัยนี้ในเนื้อหาเดียวกัน อีกทั้งมีการโชว์ไลน์ดนตรีที่ต้องเรียกว่ากล้าทดลองอีกด้วย

แต่สิ่งที่ผมติดใจในเพลง อยู่คนเดียว จนต้องนำมาบอกเล่านี้ไม่ใช่เรื่องของความไพเราะหรอกครับ

หากเป็นเรื่องของประเด็นและอารมณ์ในเนื้อเพลงมากกว่า

อยู่คนเดียว ของพี่ปั่นนั้นเนื้อเพลงก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษอะไรมากไปกว่าเรื่องของผู้ชายคนนหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่คนเดียว เมื่อหญิงสาวหมดใจให้แล้ว แต่พอผมฟังเพลงนี้ไปมาสัก 5-6 รอบ ก็เริ่มรู้สึกถึง "น้ำเสียง" บางอย่างของผู้ชาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นอารมณ์ร่วมสมัยของหนุ่มๆ ยุคนั้น

นั่นคือการยึดถือศักดิ์ศรีในแบบหนุ่มโรแมนติกที่เชื่อมั่นในตัวเอง และก็ให้เกียรติในการตัดสินใจ (ทางความรู้สึก)ของผู้หหญิง แม้ว่าน้ำเสียงของเพลงจะมีอาการตัดพ้ออยู่บ้าง แต่ก็แตกต่างเหลือเกินกับอาการคร่ำครวญที่เพลงป๊อปสมัยนี้เป็นกัน

เจตนาและความรู้สึกของ อยู่คนเดียว นั้นคือการยอมรับความเป็นจริงในความสัมพันธ์ ยอมเลือกที่จะโดดเดี่ยวดีกว่าฝืนแบกรับความลำบากใจ บางคนอาจจะมองว่าเนื้อเพลงไม่ได้บอกอะไรถึงขนาดนั้นสักหน่อย แต่ถ้าลองจับ "อารมณ์" ของเพลง และนึกย้อนไปในสมัยที่สังคมยังให้เกียรติต่อความรักของคนหนุ่มสาวอยู่ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกร่วมกันได้ไม่ยาก

ฟังแล้วรู้สึกเสียดายนะครับ ที่อาการ "อยู่คนเดียว" แบบในคราก่อนแทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในยุคที่ "ว่างแล้ว ช่วยโทรกลับ" อย่างสมัยนี้ ผมไม่ได้ต้องการจะรำลึกหรือถวิลหาอดีต หรืออยากสนับสนุนให้พี่ปั่นจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งนะครับ (แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ผมจะไปซื้อตั๋วคนแรกๆ คอยดูสิ)แต่ผมยอมรับว่ากำลังโหยหาความรู้สึกของผู้ชายที่เข้มแข็ง ใจแข็งพอสำหรับความโดดเดี่ยว (เพียงชั่วคราว)และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริง โดยไม่เข้าข้างตัวเองหรือพยายามยื้อยุดคนอื่นไว้

ความรู้สึกก้อนนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังสั้นเรื่อง 12.20 ของเป็นเอก รัตนเรือง ที่มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ประมาณว่า
...ถ้าคุณจะบอกรักใครสักคนที่อยู่ข้างๆ คุณ คุณก็จงรีบบอกเธอเสียก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก และถ้าเธอรับรักคุณแล้ว ต่อมาเลิกราจากคุณไป หรือเธอไปมีรักใหม่ ก็อย่าพร่ำเพ้อจนทำให้เธอลำบากใจ ขอให้คุณจงเก็บความอับอายและความเศร้าใจไว้เพียงลำพัง เหมือนช่วงเวลาก่อนที่คุณจะบอกรักต่อเธอ...

คืนวันนั้นเองที่ผมอยากจะ "อยู่คนเดียว" แบบนั้นให้ได้บ้าง

แม้ระหว่างที่ฟังเพลงนี้ จะมีใครบางคนนั่งฟังอยู่ไม่ห่างก็ตามที



jeeno บอกเล่า

4 Comments:

  • At 10:05 PM, Anonymous Anonymous said…

    จากสวยนอกซอย

    เราไม่ได้ฟังเพลงจากคาสเซ็ทมานานมาก อยากฟังบ้างจัง วานจีโน่เอาม้วนมาให้ยืมหน่อยดิ อิๆๆๆ

     
  • At 11:18 PM, Blogger the aesthetics of loneliness said…

    มิวสิควิดีโอเพลงนี้ เขาทำเป็นภาพขาวดำ ปั่นแต่งตัวย้อนยุค มีแดนเซอร์ใส่มินิสเกิ๊ตและทำผมพองๆ มาเต้นอยู่ข้างหลัง
    คาดว่าน่าจะกำกับโดยพี่เก้งนะ ไม่แน่ใจ เพราะปั่นยุคนั้นอยู่ค่าย ครีเอเทีย และมีเพลงเพราะแทบทั้งม้วน

     
  • At 12:50 AM, Blogger gmplusclub said…

    เกิดไม่ทันครับลุงๆป้าๆ พอดีรุ่นเดียวกับน้องพลับ

    "อยู่คนเดียว" น่ะไม่เท่าไร

    แต่ "ไม่อยากนอนคนเดียว" สิ...

    หมายถึงเพลง ไม่มีอะไร แต่ถ้าแถมคนมาด้วยก็ยินดี ฮ่าๆๆ (รักนวลเสนอตัวสุดฤทธิ์)

    พักนี้ตื่นมาตอนเช้าไม่รู้เป็นอะไร ต้องหาเพลงมาลีวัลย์มาฟังทุกที (อ้าว! ความแตกเพิ่งบอกว่ารุ่นน้องพลับหยกๆ)

    สารภาพก็ได้ว่าชอบ"พี่"ปั่นเหมือนกัน ชอบเพลงบอกรัก (ไม่มีคำว่ารักในเพลงสักคำ หวานมาก) เฝ้าคอย แล้วก็เพลงอะไรน้า...ความรักตัวเดียวเท่านั้นเองที่บรรเลงในหัวใจ

    จริงๆ ปั่นกับมาลีวัลย์นี่ก็ยุคใกล้ๆกันนะครับ แต่เพลงของมาลีวัลย์เป็นเพลงที่โคตรเมียน้อยเลย ฮ่าๆ

    สารภาพอีกว่านอกจากปั่น มาลีวัลย์แล้วยังชอบนันทิดา ตั้ม สมประสงค์ เต๋อ เรวัติ ธเนศ ฯลฯ

    แต่ที่จี๊ดมากคือเพลง "เกลียดคนสวย" ของฉันทนา

    "ยิ่งคิดยิ่งให้ เกลียดๆ เกลี๊ยด เกลียดๆๆ เกลี๊ยด เกลียดๆๆๆ ฉันแสนเกลียดชังคนสวยทุกคน"

    พอแล้ว เดี๋ยวรู้ว่าจริงๆเราก็ร่วมสมัย อิอิ

    ท้อฟฟี่...ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือน"มาช่า"

     
  • At 1:34 PM, Blogger gmplusclub said…

    จริงๆ มีนักมานุยวิทยาเคยตั้งคำถามกับสังคามนษย์ของเราว่า ตกลงคนเราเป็นสัตย์สันโดด หรือว่าสัตว์สังคมกันแน่ จริงๆ ผมว่าคนนี่มีกรรมที่ดันรู้สำนึกมากกว่าสัญชาติญาณ ก็เลยเป็นปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ เคยคุยกับแฟรเหมือนกันว่าจริงๆ แล้วถึงระยะหนึ่งเราทั้งคู่คงอยากอยู่คนเดียว
    แต่มาคิดอีกที เราทั้งคู่ก็ขี้ขลาด(ความรู้สึกขี้ขลาดก็มาจากความคิดระดับสำนึก)เกินไปที่จะอยู่คนเดียว
    เราเลยรอมชอมกันว่า
    ขออยู่เงียบคนเดียว
    แต่มีคุณนั่งข้างๆ
    ซึ่งผมว่าโอเคมากเลย

     

Post a Comment

<< Home