THE KULTURES

Culture / Tech / Talks /

Friday, November 24, 2006

ที่ของฉัน...



สวัสดีค่ะ...

หายหน้าหายตาไปนาน เพราะง่วนอยู่กับงานอีกแล้ว
ทำงานแป๊ปๆ ก็ใกล้จะสิ้นปีอีกแล้ว
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว
นับไปนับมาก็ปาเข้าไปปีที่ 6 แล้ว
ที่จากบ้านนา...มาสู่เมืองฟ้าอมร
นานโขอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้มันจะผ่านมานานแล้ว
แต่ความรู้สึกยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกที่มาถึงมากนัก
ทุกอย่างที่มองไปรอบๆตัว
มันยิ่งตอกย้ำตัวตนว่าเราไม่ได้เกิดจากที่นี่
ไม่รู้ทำไม ในใจมันยังคิดอยู่ตลอด
แต่มันก็ไม่ได้บั่นทอนความสุขของดิชั้นไปเลย

เหตุการณ์หลายๆอย่างในเมืองกรุงแห่งนี้
มันทำให้ดิชั้นยังรู้สึกรักและภูมิใจ
ในความเป็นสาวบ้านนาอยู่เสมอ
เพราะหลายต่อหลายครั้งที่พูดคุยกับชาวกรุง
ถึงเรื่องราวของบ้านนอก รู้สึกพวกเขาตื่นเต้นและสนใจ
ที่พวกเขาไม่ได้มีโอกาสที่จะไปเห็น
ผิดกับดิชั้นที่ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นมาจนชินชาแล้ว
เขาคงต้องอิจฉาดิชั้นแน่ๆ ที่เคยได้กระโดดเล่นบนกองฟาง
เก็บปูนาหรือว่าตะลุยหาปลาในน้ำก็เคยมาหมดแล้ว
เมื่อนึกถึงแต่ละครั้งดิชั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้

แต่มาในวันนี้ ตัวของดิชั้นที่เคยวิ่งเล่นอยู่ตามท้องนากับเพื่อนๆ
รองเท้าที่เคยฝากไว้บนโคลนแถวบ้าน
มันได้เปลี่ยนที่มาอยู่บนพื้นหินอ่อนของสยามพารากอน
มันช่างแตกต่างได้อะไรขนาดนั้น
ชีวิตที่ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะเดินมาทางนี้
น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน...

บ่อยครั้งที่ดิชั้นเดินผ่าน Hermes
และยืนจ้องกระเป๋าหนังจระเข้ใบสวย
ได้แต่คิดว่ากระเป๋าใบนี้มันราคาเท่ากับ
บ้านทั้งหลังแถมเฟอร์นิเจอร์
ของเพื่อนดิชั้นบางคนที่บ้านนอก
คิดดูแล้วมันช่างน่าตลกซะจริง

มาถึงวันนี้ดิชั้นเริ่มรู้สึกเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้
อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวมากมาย
ที่ทำให้นางฟ้าอย่างดิชั้นต้องพบเจออยู่เสมอ
มันอาจจะค่อยๆเก็บสะสมมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัว
วันนึงมันก็เลยกลายเป็นความเหนื่อยล้าก้อนใหญ่
จนบางที่ดิชั้นคิดว่าการกลับไปยืนที่จุดเดิม
ที่เคยอยู่แบบเมื่อก่อนก็อาจจะดีก็ได้
อาจจะไม่ต้องผจญสิ่งเลวร้ายมากเท่าทุกวันนี้

คิดถึงบ้านค่ะ

นางฟ้า...มหาประลัย

ป.ล. แค่ห้วงอารมณ์หนึ่งเท่านั้นเองค่ะ
ถ้าหายแล้วนางฟ้าก็ต้องออกปฏิบัติการตามล่าผู้ชายเหมือนเดิม

5 Comments:

  • At 1:01 PM, Anonymous Anonymous said…

    เอ๊ะ คราวนี้โอปอมาแปลกแฮะ
    จะปีใหม่แล้วแต่ดูเราทุกคนเศร้าๆ กันเนอะ

     
  • At 11:37 AM, Anonymous Anonymous said…

    ถ้าเกิดวันไหนรู้สึกแย่ๆ กับชีวิตและผู้คนที่ร่ายล้อม เธอลองหายตัวไปกับความทรงจำในวัยเด็กหรีือความทรงจำช่วงที่ชีวิตยังไม่วุ่นวายแบบนี้สิ

    พักผ่อนให้เพียงพอน่ะเพื่อน

     
  • At 11:37 AM, Anonymous Anonymous said…

    ถ้าเกิดวันไหนรู้สึกแย่ๆ กับชีวิตและผู้คนที่ร่ายล้อม เธอลองหายตัวไปกับความทรงจำในวัยเด็กหรีือความทรงจำช่วงที่ชีวิตยังไม่วุ่นวายแบบนี้สิ

    พักผ่อนให้เพียงพอน่ะเพื่อน

     
  • At 1:07 AM, Anonymous Anonymous said…

    "Dancing bears,
    Painted wings
    Things I almost remember
    And a song someone sings
    Once upon a December

    Someone holds me safe and warm
    Horses prance through a silver storm
    Figures dancing gracefully
    Across my memory...

    Far away, long ago
    Glowing dim as an ember,
    Things my heart used to know,
    Once upon a December"

    เรื่องของคุณนางฟ้าทำให้เรานึกถึงเพลง 'Once upon a December'ซาวด์แทร็คภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Anastasia ขึ้นมา
    (ทีแรกไม่ได้อยากดูเท่าไร เพราะดูท่าทางจะผู้ญิ้ง ผู้หญิง - ผู้หญิงมาก)

    หลังดูหนัง+ฟังเพลง
    เพลงนี้เป็นเพลงเพราะฟังง่ายเพลงนึง
    ฟังครั้งแรกเฉยๆ
    แต่พอฟังคู่กับหนังแล้วเคลิ้มไปเลย
    เนื้อเพลงให้ความรู้สึกของเจ้าหญิงที่เคยมีความสุข(เด็กๆก็น่าอิจฉาตรงที่มีความสุขอย่างนี้แหละ)
    แต่พอโตขึ้นแล้วต้องมาเจอเรื่องดีๆร้ายๆ สลับสับเปลี่ยนกันไป

    โชคยังดี ที่พระเจ้า(ของJeeno)ยังใจดีมีเมตตา set program ความทรงจำในวัยเด็กไว้ให้ ว่างๆก็แวะกลับไป --โดยที่ไม่ต้องคอนเฟืร์มตั๋วภายใน 7 วัน

    จะว่าไปโลกเดี๋ยวนี้มันหมุนเร้ว เร็ว..เป็นสาเหตุทำให้เราเหนื่อยหอบง่าย
    วิ่งตามบ้าง แวะพักบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นไร
    ดีไม่ดีระหว่างพัก ข้างทางอาจจะมี 'แอปเปิ้ล'ลูกใหญ่ให้นางฟ้าสอยเล่นก็ได้....ใครจะไปรู้

    May the Force B with You

    Blackcomedy

     
  • At 8:06 PM, Blogger gmplusclub said…

    จริงๆ เด็กบ้านนอกมีอะไรหลายอย่างที่ได้เปรียบกว่าชาวกรุงนิดหน่อย สิ่งหนึ่งเลยก็คือใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่า การได้อยุ่ใกล้กับธรรมชาติ ผมว่ามันเป็นกำไรชีวิตมากมายนัก เพราะถึงตอนนี้ เราจะไม่มีโอกาสจะทำอย่างนั้นได้อีกเลย ธรรมชาติและครอบครัวบ้านนอก ทำให้เรารู้ว่า จิ้งหรีดกินได้ และกินยังไง ข้าวที่เรากิน มาจากนาแบบไหน มวนลำไยฉี่เป็นพิษ ต้นทับทิมหน้าตาเหมือนต้นโมก และอื่นๆ ที่เด็กบ้านนอกจะได้สิ่งเหล่านี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อย
    คนไทยเราถูกสอนให้ชื่นชมกับวัฒนธรรมจัดตั้ง(ภาษาไทยกลาง ศาสนาพุทธแบบแบบเรียน หลักสูตรการสอนแบบกระทรวงศึกษา และการจัดการการศึกษาแบบรวบอำนาจ)มากกว่าจะให้ค่ากับการมีอยู่ของวัฒนธรรมท้องถิ่น(ภาษาถิ่น การนับถือผี และถ่ายทอดความรู้ในชุมชน)
    คนบ้านนอก็เลยไม่ภูมิใจ รุ้สึกอับอายเวลาพูดภษาถิ่น นี่ยังดีนะครับว่า ระบบการจัดการที่อ่อนแอของกระทรวงศึกษา เลยพอที่จะทำให้เด็กบ้านนอกได้รุ้สึกภูมิใจกับเขาบ้าง
    ผมดีใจนะ ที่นางฟ้ามาจากบ้านนอก
    จะได้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้เราฟัอย่างนี้ไง

     

Post a Comment

<< Home