ว่าด้วยซีรีย์ฝรั่ง

ตอนนี้ผมกลายเป็นคนติดซีรีย์ฝรั่งงอมแงมไปแล้ว หลายเรื่องมากที่ดูแล้วชวนอึ้งว่า แค่ตอนๆ หนึ่งของมันนี่
คงพอตจะสร้างละครไทยได้ทัั้งชาติ ของทุกช่อง แต่ก็นั่นล่ะ เขาผลิตที ขายแค่ในประเทศเขาก็คุ้มแล้วล่ะ
อย่าง er ที่ดูตั้งแต่สมัยหมอกรีนยังอยู่(จอร์จ คลูนีย์) ดูตอนนั้นก็งงไปทีแล้วว่า มันกันยังไง ทั้งฉากห้องอีอาร์ที่แม่งเหมือนชะมัด
ความรู้ืทางการแพทย์ที่สมจริงสุดๆ บทพูดของตัวละคร จังหวะการเปลี่ยนมุมกล้องเพื่อโฟกัสตัวละครให้เด่นเท่าๆ กัน
แถมเกลี่ยบทให้แต่ละคนมีความน่าสนใจ ต้องยอมรับเลยว่าทำได้เหมือนเสียตนรู้สึกไปเลยว่า
ถ้าจอร์จ คลูนีย์ เกิดถ่วติดคอ เขาคงรู้วิธีเจาะคอตัวเองแน่ๆ
เคยอ่านในหนังสือชื่อว่า "ทำไม่ผู้ชายถึงมีนม" ตอนหนึ่งที่คนเขียน เขียนถึงทีมเขียนบทของอีอาร์ว่า
ต้องเข้าไปทำรีเสิร์ชในห้อง
ฉุกเฉินจริืงๆ จากนั้นก็เอาข้อมูลทางการแพทย์ไปใส่ดราม่าลงไปอีกหน่อย แลัวผูกเรื่องให้ตัวละคร
แล้วถึงจะออกมาเป็นบท แถมทีมเขียนบทไม่ได้มีทีมเดียวด้วย มีสองทีม ผลัดกันเขียนไป
โห ฟังแค่นี้ก็รู้ว่าเป็นการทำงาน
ที่ละเอียดซับซ้อน และสุดยอดจริงๆ sex and the city ก็เช่นกัน ก่อนเขียนบทเรื่องนี้
มีการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ
ผู้หญิงใน NYC แล้วก็มาวิเคราะห์ตัวละครที่จะใส่ จากนั้นจึงเริ่มลงมือผูกเรื่องราว
ทั้งหมดนี้ทำงานกันเป็นทีมและกว่า 6-8 ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างบุคคลิกของตัวละครที่เข้ามาในซีรีย์
ผมจำได้ว่า แผ่นสุดท้ายของ SATC บอกว่าต้องใช้คนเขียนบทถึงสองคน
สร้างบทบาทตัวละครอย่าง ซาแมนท่า(นำแสดงดโย คิม คาร์เทล) ขึ้นมา
ตอนนี้นอกเหนือจาก er แล้ว nip/tuck, CSI, Jacky and Bobby เป็นซีรี่ย์ที่ดุสนุกมาก
อย่าง nip/tuck นี่ ตอนจบของแต่ละตอนมีเรื่องหักมุมชนิดที่เราอึ้งไปเลย
อย่างตอนล่าสุด เป้นเรื่องของลูกสาวที่ไม่ถูกกับแม่ แต่แม่ดันเครื่องบินตก
หลังจากที่ทะเลาะกันหมาดๆ
ด้วยความรู้สึกผิดก็เลยยืมมือของศัลยแพทย์ตัวเอกสองคนเข้าไปเป็นแพทย์อาสาสมัครในการกู้ชีพ
เพ่ื่อที่ตัวเองจะได้หามาเจอ ระหว่างที่หาศพแม่ เขาก็ไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องคิดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับแม่
แต่พอเจอศพแม่(ซึ่งหมอศัลย์ฯ ที่เป็นแฟนเก่าของเธอ ที่มาช่วยหาศพแม่
ระบุตัวให้เพราะว่าเขาเคยผ่าตัดเสริมสวยให้เธอหลายครั้ง จึงรู้ว่าน่าจะใช่) เขากลับสารภาพว่าเขารู้สึกโล่งใจที่แม่ตาย
วินาทีที่สาวคนนี้กำลังจะเดินออกไป ปรากฏว่าร่างที่เหมือนศพที่โดนไฟไหม้จนเกรียมยังไม่ตาย
แต่พยายามหายใจ
เธอเตัดสินใจอาหมอนกดหน้า จนแม่เธอแน่นิ่งไป
เรื่องที่ตื่นเต้่นอยู่คอนท้ายสุดของหนัง เพียงแค่ 10 วินาทีก่อนหนังจบที่ตัวเอกกลับมาบ้าน
แล้วเจอว่าจริงๆ แม่เขาไม่ได้กลับเที่ยยวบินนั้น และนั่งรอเธออยู่ที่บ้าน
ชั่วโมงหนึ่งที่นั่งดู ไม่เท่ากับวินาทีสุดท้ายที่เห็นจริงๆ
แหม...จะว่าไป "ท่าจบ" นี่ก็ดูเห็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยเหมือนกันนะนี่
ลองหามาดู ไม่ติดใจให้เตะเลยเอ้า
ps. สาวชุดแดงคือตัวเองในเรื่องนี้ ส่วนผู้ชายสองคนนั่นก็น่าจะเดากันออกว่าเป็นหมอ
4 Comments:
At 12:32 AM,
Anonymous said…
อ่านที่พี่เอกเขียนแล้ว คิดถึงตอนที่ตัวเองติดหนังจีนชุดมังกรหยกเลยครับ ตอนนั้นคิดถึงแต่ เซียวเล่งนึ่งกับเอียก้วยตลอด
At 12:55 AM,
the aesthetics of loneliness said…
บ้านเรามีแต่ แก้วตาพี่ กับ ปิ่นมุก อ่ะ
At 1:19 PM,
Anonymous said…
แง้ ที่บ้านมีแต่ ยูบีซีผี (ซึ่งไม่ใช่ยูบีซี) และจริงๆ ก็ไม่มีอะไรให้ดูเลย
ความซับซ้อนของอารมณ์และความคิดคนเราบางทีมันก็เข้าใจยากนะ เราเคยคิดเล่นๆ ว่า อารมณ์เกลียดและทำลาย ที่มาพร้อมกับอารมณ์ รัก มันอาจจะมีค่าเท่ากันก็ได้
At 5:03 PM,
Anonymous said…
แหม เฮีย เล่นเล่าตอนจบซะอย่างงั้น ยังไม่ได้ดูเลยอะ -_-!
ชอบดูช่องซีรีส์เหมือนกันค่ะ เรื่องที่ชอบก็มี นิปทัก แจ๊คแอนด์บ๊อบบี้ อีอาร์ วิลแอนด์เกรซ ดิแอพเพรนทิซ มัลคอล์มอินเดอะมิดเดิ้ล อเมริกันแด๊ด กิลมอร์เกิร์ลส แดดส์เซเวนตี้สโชว์ โคลด์เคส แฟมิลี่กาย โบนส์ โปรเจ็กต์รันเวย์ สครับเบอร์ส ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
จะว่าไปก็ชอบเยอะมาก อย่าหาว่าบ้าของนอกเลย แต่มันสนุกจริงๆ คิดได้ไงเนี่ย
มันเป็นเพื่อนยามต้องทำงานอยู่คนเดียวดึกๆ ได้ดีเหมือนกัน
ปล. แอบคิดถึงพวกซีรีส์ฮ่องกงยุคมังกรหยก เซียวฮื้อยี้ ด้วยจ้ะ
Post a Comment
<< Home