THE KULTURES

Culture / Tech / Talks /

Sunday, December 24, 2006

บอร์ดเงียบเหงาเกินไปหรือเปล่า


เข้าใจว่าคงเป็นช่วงเวลาของการนับถอยหลังเพื่อวันหยุดยาว การเริ่มต้นใหม่ วันแห่งการดื่มกินอีกครั้ง หรืออะไรก็แล้วแต่
ทุกๆ คนก็เลยดูเงียบเหงากันไปหมด เพราะคงอยากให้ถึงวันนั้นไวๆ
จริงๆ ผมไม่ค่อยจะชอบภาวะของหการรอคอยแบบนี้เท่าไหร่
เพราะลึกๆ เราก็รู้อยู่เต็มอกอันแสนแน่นของเราว่าถึงเวลาจริงๆ มกราคมมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
ต้นฉบับ รถติด ชีวิตเงินผ่อน และฝันกลางวันกับล็อตเตอรี่(ที่ไม่เคยซื้อ)
แต่ตื้นๆ เทศกาลปบบนี้ก็ดี ที่ทำให้เราได้เจอญาติพี่น้อง ที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เด็ก เวลาแบบนี้นี่ล่ะ ที่จะมีโอกาสได้เงินก้นถุงจากพวกผู้ใหญ่
เงินฟรี ขนมฟรี และกล่องของขวัญ แสนหอมหวานจริง จริ้ง
(แต่ตอนนี่ถึงตาต้องให้เขาบ้างนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน)
จริงๆ ผมเองก็ไม่ค่อยมีอะไรจะคุยเท่าไหร่
เพิ่งกลับมาจากเขาใหญ่ อากาศหนาวเหมือนจะฆ่าใครตายได้
แต่กวาง เก้งช้างเชิ้งที่นั่นไม่เห็นหนาวด้วย ก็เลยพอได้เห็นบ้าง
(แต่รถส่องสัตว์ เยอะยังกะรถส่งคนงานตามโรงงานเลยล่ะ)
ไว้จะมาเล่ายาวๆ ให้ฟัง ตอนนี้ง่วงนอนมาก เมื่อคืนหนาวจนนอนไม่ค่อยหลับ
หวังว่ากลับบ้านลำปางต่างจังหวัด คงไม่หนาวขนาดนั้น
ปรื๋อยๆ ...คิดแล้วก็หนาว

Wednesday, December 20, 2006

กัลยาณมิตร

สิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ทุกคน คือต้องมีกัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร คือผู้ที่พูดในสิ่งที่เราไม่อยากฟัง
/ พระพุทธเจ้า

Friday, December 08, 2006

ใครไม่เห็นด้วยยกมือขึ้น


13.00 น.หน้าหอสมุดจุฬาฯ 7 ธ.ค.49

"ความทุกข์ความเศร้าโศกอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ชัยชนะของสงคราม ความโหดร้ายข่มขู่ต่างๆ การขาดความซื่อสัตย์ ความอยุติธรรม แสดงให้เราเห็นถึงความหมายของธรรมชาติของโลก และการมีอยู่

ชีวิตของคนส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงการต่อสู้เพื่อ มีอยู่ ตลอดเวลา

บนความแน่นอนที่ว่าวันหนึ่งเราจะต้องสูญเสียมันไปในที่สุด"

/Schopenhauer, นักปรัชญา
ใครไม่เห็นด้วยยกมือขึ้น!

Thursday, December 07, 2006

Please try harder

"Sadness is easier because its surrender.
I say make time to dance alone with one hand waving free."

/Claire Colburn จากหนัง Elizabethtown

Saturday, December 02, 2006

เป็นของพี่นะครับคนดี


“เป็นของพี่นะครับคนดี”

1
“หวัดดีจ๊ะ ภรรยาของพี่ ไม่โทรหาสามีเลยนะ” ปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายที่ผมเคยมีอะไรด้วย ไม่ใช่เพราะที่เขาโทรมาหรอก แต่คำทักทายของเขาต่างหากที่ทำผมตะขิดตะขวงใจ
“เฮ้ย! ผมไปเป็นภรรยาของพี่ได้ไง(ฟะ)” ผมใช้สิทธิ์พาดพิงโต้ทันควัน
“อ้าว! ก็เรามีอะไรกันแล้ว เราก็ต้องเป็นของพี่ไม่ถูกเหรอ”
ให้ตายสิ! เหมือนภาพอดีตรีรันอย่างรวดเร็ว ครั้งหนึ่งขณะที่ผมกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับผู้ชายอีกคน นี่คงจะเป็นค่ำคืนที่ร้อนแรงของเรา ถ้าตานั่นไม่ดันทะลึ่งคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครน้ำเน่าพูดว่า...
“เป็นของพี่นะครับคนดี”
รสจูบยังไม่ทันกำซาบ ผมหมดอารมณ์จนผละเขาออกจากอ้อมแขน แล้วร่ายยาวเรื่องสิทธิสตรีให้เขาฟังหนึ่งจบแทน แน่นอนว่าคืนนั้นเราไม่มีอะไรกันต่อ...
ถ้ารู้ว่าอีตานี่ก็เป็นอีหรอบเดียวกัน ผมคงไม่เสียเวลากับมันตั้งแต่แรกหรอกนะ

2
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเกย์มักได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนมนุษย์เสมอ เพื่อนสาวนางหนึ่งของผมโทรมาปรับทุกข์เรื่องหัวใจ ผู้ชายคนนี้จีบเธอได้พักหนึ่งแล้วล่ะ วันก่อนทั้งคู่นัดกันไปตีสควอช แต่เจ้าหนุ่มดันเบี้ยวซะงั้น เขาให้เหตุผลว่า
“ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมผมดวงซวยตลอดเลย ผมว่าจะไปทำบุญกับคุณแม่ก่อน ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไปตีสควอชด้วยไม่ได้ คุณคงไม่ว่ากันนะ” ฟังดูเป็นพ่อหนุ่มใจบุญ แต่เพื่อนสาวของผมก็ฉลาดล้ำ ต้อนจนผู้ร้ายยอมถอดจีวรสารภาพ
“พูดความจริงมาเถอะ เราไม่โกรธหรอก ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” แหม...เธอยังอุตส่าห์เป็นแม่พระกับโจรอีก
“คือที่จริงผมไปเที่ยวทองหล่อมา แล้วมีผู้หญิงมาขอเบอร์ผม...”
“พอรุ่งเช้า ผมตื่นมา ทั้งโทรศัพท์ ทั้งเงินในกระเป๋าก็หายไปหมดเลย...” เขาตัดฉับมาในฉากตอนเช้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนสาวของผมโกรธขนาดไหน
“เราไม่โกรธหรอก ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” เธอยอมฝืนกลืนคำพูดตัวเองแล้วคายมันออกมาเป็นน้ำตา...

3
ไม่รู้หมู่นี้ทำไมคนใกล้เคียงของผมถึงมีปัญหาหัวใจกันหมด เพื่อนสาวอีกคนของผมเพิ่งจะเลิกรากับแฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน ซ้ำร้าย เธอดันเลิกกับเขาในวันครบรอบปีที่สี่พอดิบพอดี ที่จริงก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มีปัญหาระหองระแหงกันเรื่อยๆ เลิกกันแล้วก็ดีกัน แต่ท่าทางคราวนี้จะรุนแรงกว่าเดิมนักจนหมดลุ้น
แฟนของเธอเป็นคนโมโหร้าย เธอเองก็เพิ่งจะล่วงเข้าสู่วัยทำงานจึงมีเวลาให้แฟนน้อยลง จังหวะเดียวกับที่เธอไม่สบาย จึงไม่อยากมีอะไรกับแฟนเธอเท่าไร พอห่างหายเรื่องแบบนี้ไป แฟนเธอก็เริ่มอาละวาดฟาดงวงฟาดงา หาว่าเธอมีคนอื่นบ้าง หาว่าเธอไม่รักเขาบ้าง หนักข้อเข้าเธอก็เริ่มหนักใจและอยากปลดแอกนี้ออกไปจากตัว
“จริงๆเราไม่อยากจะเลิกกับเขาเลยนะ” เธอพรั่งพรูคำนี้มานับร้อยครั้ง พร้อมกับน้ำตาอีกนับล้านหยด...

4
ไม่ต่างจากแฟนของเพื่อนผมคนเมื่อกี้ ผู้ชายคนนี้ก็เลือดร้อนพอกัน เขาซัดหมัดลุ่นๆเข้าใส่เทรนเนอร์อย่างเต็มเหนี่ยว เทรนเนอร์ได้แต่ปัดป้องไม่โต้ตอบ เท่าที่ผมและคนรอบข้างเห็น เทรนเนอร์คนนี้แค่จับไหล่ของเธอเพื่อเซฟร่างกายตอนยกเวทเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีลวนลามเธอเลยสักนิด
“มึงมายุ่งกับเมียกูทำไม!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนด่าเสียงดังลั่นจนคนแถวนั้นหยุดออกกำลัง
“พี่เชิด! เขามาสอนออกกำลังกายนะ!” ภรรยาพยายามห้ามไว้
“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรไปให้เขาจับอยู่ได้ มึงเป็นเมียกูนะ!” เอ่อ...เป็นอันว่าโดนเข้าให้ทั้งภรรยาและเทรนเนอร์

5
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า...
ตรงจุดไหนของเส้นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกคน
ตรงจุดไหนของเส้นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรากลายเป็น “ของ” ของเขา
และทำไมหัวใจที่รักในเสรีภาพถึงยอมถูกพันธนาการไว้ ความรู้สึกสยบยอมเช่นนี้มีมาได้อย่างไร
(คุยกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังว่าผมคิดยังไง)

Justify My Love

Friday, December 01, 2006

ไม่ชอบเจมส์ บอนด์


ไม่ได้หมายถึงว่า เดเนียล เครก น่าเกลียดนะ แต่ผมว่าบอนด์ภาคนี้มันเหมือนอยู่ในช่วงดักแด้ คือจะเต็มวัยก็ยังไม่ใช่ จะเป็นแบบลูกอ่อนก็ยังไม่เชิง จะให้บอนด์ให้ดูสมจริง มีจุดอ่อนแต่สุดท้ายก็มีอะไรเวอร์ๆ เหมือนเดิม
แถมเอาโป๊กเกอร์มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ประเทศที่คาสิโน ไม่รอแยลอย่างเรา มันไม่อินเอาซะเลย
จะเห่า จะหอน จะสเตรท รอยัลใครจะไปรู้ กระตุกคิ้วไปมาหาพระแสงจับผิดอะไรก็ดู over action ไปนิด
จริงๆ ทุกภาคก็เป็นอย่างนั้น แต่ว่าในความเป็นบอนด์ที่แฟนตาซีอยู่แล้ว มันก็เลยเข้าใจได้ แต่เป็นบอนด์แบบดักแด้(ขออนุญาติเรียกแบบนี้)ก็เลยพะอืดพะอม
นี่ยังไม่นำการต่อสู้ในเรื่องเพศในหนังว่าใครกันแน่ระหว่างบอนด์กับผู้หญิงในเรื่อง
เพราะอวดฉลาดพอกัน แถมผู้หญิงของบอนด์ก็ยังดูสับสนในชีวิตว่าเธอ ขะ bitch หรือไม่ bitch ดี
แต่งตัวมิดชิดไม่มีว้อบแวม แต่ดันขี้โกงและหลอกคนที่รักจริง
ผู้ชายก้ดูฉลาดทุกเรื่องแต่ดันโง่กับผู้หญิง แลดูเป็นคนอ่อนไหวเรื่องความรัก ทีมาร์ตี้ ดูออกว่าเป็นสายลับ
แต่ทีคนนินด้วยกันหลายๆเดือน ดันไม่รู้นี่สิ
การใส่ประเด็น gender เข้ามาในหนังโดยเฉพาะบุคลิกของบอนด์ กับ เอ็ม
เข้าใจว่าเพื่อให้ดูลิงค์กับภาคก่อนๆ ของบอนด์

รวมๆ แล้วเป็นบอนด์ที่ดูเกือบสนุก
เดเนียลเท่ในหน้าโทนเดียวตลอดทั้งเรื่อง
เหมือนหน้าของเบน สตีลเลอร์ ในซูแลนเดอร์(ท่าแมกนั่นนั่นไง!) เฮ้ แต่ผมชอบนะ
เขาดูเป็นมนุษย์นีแอนเดอธัลตัวสุดท้ายที่มีโอกาสได้เล่นเจมส์ บอนด์
ฉากเร้าใจและชอบที่สุดน่าจะเป็นฉากตีไข่
เห็นตอนเลอร์ชีฟตีแล้ว
พลอยนั่งสะดุ้งไปด้วยเลยวุ้น
พี่แจ้มาดูคงร้อง โอย..โอย...ตามเลย

ปล. ถ้าใครเข้าใจผิดว่า casino royale ไม่เคยถูกสร้าง เข้าใจผิดแล้วมันเคยถูกสร้างมาแล้วหนึ่งครั้งในปี 1954 เป็นหนังทีวี ทางช่อง CBS เหมือนในรูป