
“เป็นของพี่นะครับคนดี”
1
“หวัดดีจ๊ะ ภรรยาของพี่ ไม่โทรหาสามีเลยนะ” ปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายที่ผมเคยมีอะไรด้วย ไม่ใช่เพราะที่เขาโทรมาหรอก แต่คำทักทายของเขาต่างหากที่ทำผมตะขิดตะขวงใจ
“เฮ้ย! ผมไปเป็นภรรยาของพี่ได้ไง(ฟะ)” ผมใช้สิทธิ์พาดพิงโต้ทันควัน
“อ้าว! ก็เรามีอะไรกันแล้ว เราก็ต้องเป็นของพี่ไม่ถูกเหรอ”
ให้ตายสิ! เหมือนภาพอดีตรีรันอย่างรวดเร็ว ครั้งหนึ่งขณะที่ผมกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับผู้ชายอีกคน นี่คงจะเป็นค่ำคืนที่ร้อนแรงของเรา ถ้าตานั่นไม่ดันทะลึ่งคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครน้ำเน่าพูดว่า...
“เป็นของพี่นะครับคนดี”
รสจูบยังไม่ทันกำซาบ ผมหมดอารมณ์จนผละเขาออกจากอ้อมแขน แล้วร่ายยาวเรื่องสิทธิสตรีให้เขาฟังหนึ่งจบแทน แน่นอนว่าคืนนั้นเราไม่มีอะไรกันต่อ...
ถ้ารู้ว่าอีตานี่ก็เป็นอีหรอบเดียวกัน ผมคงไม่เสียเวลากับมันตั้งแต่แรกหรอกนะ
2
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเกย์มักได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนมนุษย์เสมอ เพื่อนสาวนางหนึ่งของผมโทรมาปรับทุกข์เรื่องหัวใจ ผู้ชายคนนี้จีบเธอได้พักหนึ่งแล้วล่ะ วันก่อนทั้งคู่นัดกันไปตีสควอช แต่เจ้าหนุ่มดันเบี้ยวซะงั้น เขาให้เหตุผลว่า
“ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมผมดวงซวยตลอดเลย ผมว่าจะไปทำบุญกับคุณแม่ก่อน ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไปตีสควอชด้วยไม่ได้ คุณคงไม่ว่ากันนะ” ฟังดูเป็นพ่อหนุ่มใจบุญ แต่เพื่อนสาวของผมก็ฉลาดล้ำ ต้อนจนผู้ร้ายยอมถอดจีวรสารภาพ
“พูดความจริงมาเถอะ เราไม่โกรธหรอก ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” แหม...เธอยังอุตส่าห์เป็นแม่พระกับโจรอีก
“คือที่จริงผมไปเที่ยวทองหล่อมา แล้วมีผู้หญิงมาขอเบอร์ผม...”
“พอรุ่งเช้า ผมตื่นมา ทั้งโทรศัพท์ ทั้งเงินในกระเป๋าก็หายไปหมดเลย...” เขาตัดฉับมาในฉากตอนเช้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนสาวของผมโกรธขนาดไหน
“เราไม่โกรธหรอก ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” เธอยอมฝืนกลืนคำพูดตัวเองแล้วคายมันออกมาเป็นน้ำตา...
3
ไม่รู้หมู่นี้ทำไมคนใกล้เคียงของผมถึงมีปัญหาหัวใจกันหมด เพื่อนสาวอีกคนของผมเพิ่งจะเลิกรากับแฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน ซ้ำร้าย เธอดันเลิกกับเขาในวันครบรอบปีที่สี่พอดิบพอดี ที่จริงก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มีปัญหาระหองระแหงกันเรื่อยๆ เลิกกันแล้วก็ดีกัน แต่ท่าทางคราวนี้จะรุนแรงกว่าเดิมนักจนหมดลุ้น
แฟนของเธอเป็นคนโมโหร้าย เธอเองก็เพิ่งจะล่วงเข้าสู่วัยทำงานจึงมีเวลาให้แฟนน้อยลง จังหวะเดียวกับที่เธอไม่สบาย จึงไม่อยากมีอะไรกับแฟนเธอเท่าไร พอห่างหายเรื่องแบบนี้ไป แฟนเธอก็เริ่มอาละวาดฟาดงวงฟาดงา หาว่าเธอมีคนอื่นบ้าง หาว่าเธอไม่รักเขาบ้าง หนักข้อเข้าเธอก็เริ่มหนักใจและอยากปลดแอกนี้ออกไปจากตัว
“จริงๆเราไม่อยากจะเลิกกับเขาเลยนะ” เธอพรั่งพรูคำนี้มานับร้อยครั้ง พร้อมกับน้ำตาอีกนับล้านหยด...
4
ไม่ต่างจากแฟนของเพื่อนผมคนเมื่อกี้ ผู้ชายคนนี้ก็เลือดร้อนพอกัน เขาซัดหมัดลุ่นๆเข้าใส่เทรนเนอร์อย่างเต็มเหนี่ยว เทรนเนอร์ได้แต่ปัดป้องไม่โต้ตอบ เท่าที่ผมและคนรอบข้างเห็น เทรนเนอร์คนนี้แค่จับไหล่ของเธอเพื่อเซฟร่างกายตอนยกเวทเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีลวนลามเธอเลยสักนิด
“มึงมายุ่งกับเมียกูทำไม!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนด่าเสียงดังลั่นจนคนแถวนั้นหยุดออกกำลัง
“พี่เชิด! เขามาสอนออกกำลังกายนะ!” ภรรยาพยายามห้ามไว้
“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรไปให้เขาจับอยู่ได้ มึงเป็นเมียกูนะ!” เอ่อ...เป็นอันว่าโดนเข้าให้ทั้งภรรยาและเทรนเนอร์
5
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า...
ตรงจุดไหนของเส้นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกคน
ตรงจุดไหนของเส้นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรากลายเป็น “ของ” ของเขา
และทำไมหัวใจที่รักในเสรีภาพถึงยอมถูกพันธนาการไว้ ความรู้สึกสยบยอมเช่นนี้มีมาได้อย่างไร
(คุยกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังว่าผมคิดยังไง)
Justify My Love